แอปเปิลวอตช์
แอปเปิลวอตช์ อัลตร้า | |
ผู้พัฒนา | บริษัทแอปเปิล |
---|---|
ผู้ผลิต | บริษัทแอปเปิล |
ชนิด | สมาร์ตวอตช์ |
วางจำหน่าย | 24 เมษายน พ.ศ. 2558 (Apple Watch 2015) 16 กันยายน พ.ศ. 2559 (Apple Watch Series รุ่นที่ 1 และ รุ่น Apple Watch Series รุ่นที่ 2) 22 กันยายน พ.ศ. 2560 (Apple Watch Series รุ่นที่ 3) 21 กันยายน พ.ศ. 2561 (Apple Watch Series รุ่นที่ 4) 20 กันยายน พ.ศ. 2562 (Apple Watch Series รุ่นที่ 5) 18 กันยายน พ.ศ. 2563 (Apple Watch Series รุ่นที่ 6 และ Apple Watch SE รุ่นที่ 1) 15 ตุลาคม พ.ศ. 2564 (Apple Watch Series รุ่นที่ 7) 16 กันยายน พ.ศ. 2565 (Apple Watch Series รุ่นที่ 8 และ Apple Watch SE รุ่นที่ 2) 23 กันยายน พ.ศ. 2565 (Apple Watch Ultra 1) 22 กันยายน พ.ศ. 2566 (Apple Watch Series รุ่นที่ 9 และ Apple Watch Ultra 2) |
ราคาเบื้องต้น | เริ่มต้นที่ 349 ดอลลาร์สหรัฐ |
ระบบปฏิบัติการ | วอตช์โอเอส[1][2] |
ชิพ | รุ่นแรก : แอปเปิล เอส 1 |
หน่วยประมวลผล | แอปเปิล เอส 1 |
ความจุ | อาจเป็นหน่วยความจำแฟลช 2 จิกะไบต์หรือ 4 จิกะไบต์ |
หน่วยความจำ | 256 เมกะไบต์ |
การแสดงผล | Sapphire crystal, strengthened Ion-X glass |
ระบบเสียง | speaker output |
ควบคุมผ่าน | Multi-touch Retina Display |
การเชื่อมต่อ | บลูทูธ 4, เอ็นเอฟซี, วายฟาย |
มิติ | มีทั้งขนาด 38 มม. และ 42 มม. |
Backward compatibility | เข้ากันได้กับไอโฟน 5 และอุปกรณ์อื่น ๆ ที่ทำงานด้วยไอโอเอส 8.2 |
บทความที่เกี่ยวข้อง | ไอโฟน |
เว็บไซต์ | www |
แอปเปิลวอตช์ (อังกฤษ: Apple Watch) เป็นสมาร์ตวอตช์ของบริษัทแอปเปิลที่ทิม คุก ได้ประกาศออกมาอย่างเป็นทางการในวันที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2557 แอปเปิลวอตช์จะมีหน้าที่ในการติดตามการออกกำลังกายและการดูแลสุขภาพ ซึ่งจะมีออกมาจำหน่ายอยู่ 3 รูปแบบด้วยกัน โดยจะใช้งานร่วมกับไอโฟน 5 ขึ้นไป และอุปกรณ์รุ่นที่ทำงานบนระบบปฏิบัติการไอโอเอส 8.2 ในช่วงต้นปี พ.ศ. 2558[3]
คุณสมบัติ
[แก้]แอปเปิลวอตช์สามารถรับโทรศัพท์ได้รวมทั้งรับข้อความจาก iMessage หรือข้อความสั้น ที่สำคัญสามารถติดตามการออกกำลังกาย การดูแลสุขภาพ และใช้คุณลักษณะที่มีในไอโอเอส 8 เรียกว่า "แฮนด์ออฟ" ซึ่งต้องมีอุปกรณ์อื่นที่เข้ากันได้[4]
การออกแบบ
[แก้]แอปเปิลวอตช์จะมีสองขนาดคือ 38 มิลลิเมตร และ 42 มิลลิเมตร และจะมีอยู่สามรูปแบบด้วยกัน แอปเปิลวอตช์มีหน้าจอสัมผัสไวต่อแรงกดที่สามารถแยกแยะความแตกต่างระหว่างการแตะกับการกดได้ รวมทั้งมีปุ่มหมุนที่เรียกว่าดิจิทัลคราวน์ (digital crown) ซึ่งสามารถเลื่อนหรือดึงภาพเข้าออกและกดเพื่อกลับไปยังหน้าจอหลัก นอกจากนี้ยังมีปุ่มสำหรับการแสดงรายชื่อผู้ติดต่ออีกด้วย[4] แอปเปิลวอตช์ชาร์จไฟโดยการชาร์จแบบ inductive charging โดยใช้สายเคเบิลที่คล้ายกับแมคเซฟซึ่งเป็นสายสำหรับแล็ปท็อปตระกูลแมคบุ๊ก[3] และทางแอปเปิลได้ออกแบบรูปแบบตัวอักษรใหม่ที่ชื่อว่า แซนแฟรนซิสโก (San Francisco) สำหรับแอปเปิลวอตช์ที่จะช่วยให้ผู้ใช้อ่านข้อความบนหน้าจอแสดงผลขนาดเล็กได้
เทคโนโลยี
[แก้]แอปเปิลวอตช์ได้ใช้ชิปประมวลผลเอส 1 ชิปรุ่นใหม่จากแอปเปิล ซึ่งกล่าวว่าเป็น "สถาปัตยกรรมคอมพิวเตอร์ทั้งหมดในชิปตัวเดียว" นอกจากนี้ยังใช้ "แทปติกเอนจิน" (Taptic Engine) เพื่อกระตุ้นบริเวณข้อมือเมื่อมีการได้รับแจ้งเตือน และมีเครื่องวัดอัตราการเต้นของหัวใจ[5] แอปเปิลวอตช์เข้ากันได้กับไอโฟน 5, ไอโฟน 5ซี, ไอโฟน 5เอส, ไอโฟน 6 และไอโฟน 6 พลัส หรืออุปกรณ์ที่ใช้ไอโอเอส 8.2 หรือใหม่กว่า โดยการเชื่อมต่อผ่านทางวายฟายหรือบลูทูท 4[6]
-
Apple Watch 2015
-
Apple Watch Ultra
อ้างอิง
[แก้]- ↑ "Apple Watch - Overview". Apple. สืบค้นเมื่อ September 9, 2014.
- ↑ "Apple Watch - Technology". Apple. สืบค้นเมื่อ September 9, 2014.
- ↑ 3.0 3.1 "The Verge live blog". The Verge. Vox Media. September 9, 2014. สืบค้นเมื่อ September 10, 2014.
- ↑ 4.0 4.1 "The Verge: The 15 most important announcements from the Apple Watch, iPhone 6 event". The Verge. Vox Media. September 9, 2014. สืบค้นเมื่อ September 10, 2014.
- ↑ "Apple - Apple Watch - Technology". Apple. สืบค้นเมื่อ September 10, 2014.
- ↑ "Press Release - Apple Unveils Apple Watch". Apple. สืบค้นเมื่อ September 10, 2014.